P&P Holiday by Reign Inter สิงหาคม 21, 2023 0 Comments

เที่ยวยุโรป ให้ถูกฤดู Travel Europe in the right season

เที่ยวยุโรป

เที่ยวยุโรป ให้ถูกฤดู – Travel Europe in the right season

เที่ยวยุโรป

ทุกท่านเคยสงสัยหรือไม่ว่า การ เที่ยวยุโรป นั้นควรจะไปช่วงไหน เดือนไหนเป็น High Season และเดือนไหนเป็น Low Season หรือฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูร้อน และฤดูใบไม้ผลิ ต้อง เที่ยวยุโรป ประเทศไหน แต่ละฤดูก็จะมีภูมิอากาศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะแตกต่างกันไป การเลือกสถานที่ท่องเที่ยวให้ตรงกับช่วงเวลาที่ต้องการไปก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

5 สถานที่น่า เที่ยวยุโรป แต่ละฤดู

เที่ยวยุโรป 02

ทวีปยุโรปเป็นทวีปที่มีขนาดเล็กเป็นอันดับ 2 รองจากทวีป ออสเตรเลีย โดยพื้นที่ทั้งหมดอยู่ในซีกโลกเหนือ หรือค่อนไปทางขั้วโลกเหนือ มีทะเลล้อมเกือบรอบ และมีชายฝั่งทะเลที่เว้าแหว่งมากทำให้ได้รับอิทธิพลทะเลเกือบทั้งหมด จึงเป็นทวีปที่ไม่มีลักษณะแห้งแล้งแบบทะเลทราย หากต้องการเที่ยวทวีปยุโรป ก็จต้องตรวจสอบสถานที่ที่ต้องการไป และสภาพอากาศว่าสามารถท่องเที่ยวได้ตามที่ทุกท่านต้องการหรือไม่

เที่ยวยุโรป ฤดูใบไม้ผลิ (ปลายเดือนมีนาคม – กลางเดือนกรกฏาคม) – เป็นช่วงที่ดอกไม้บานสะพรั่ง แสงแดดอบอุ่น และอากาศสบาย ๆ ทำให้ช่วงนี้นักท่องเที่ยวชาวไทยส่วนใหญ่นิยมเดินทาง เที่ยวยุโรป มากที่สุด

1.สวนเคอเคนฮอฟ (Keukenhof) ประเทศเนเธอแลนด์ (Netherlands) ตั้งอยู่ในเมืองลิซเซ่ (Lisse) ถือเป็นไฮไลท์ของฤดูใบไม้ผลิในประเทศเนเธอร์แลนด์ เพราะเป็นสวนที่เปิดเฉพาะเดือนมีนาคม-พฤษภาคมเท่านั้น และยังมีดอกทิวลิป ดอกไม้ประจำเนเธอร์แลนด์กว่า 800 สายพันธุ์ รวมแล้วกว่า 7 ล้านดอก พร้อมกับดอกไม้ชนิดอื่น เช่น ดอกลิลลี่ ดอกแดฟโฟดิล หรือนาซิสซัส ดอกไฮยาซินธ์และดอกกล้วยไม้อีกหลากหลายสายพันธุ์ ใครที่มา เที่ยวยุโรป ช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้วไม่ควรพลาดที่แห่งนี้

Keukenhof

2.หมู่บ้านแคว้นอาลซัส (Alsace) ประเทศฝรั่งเศส (France) ตั้งอยู่สุดทางทิศตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส และทิศตะวันตกของ แม่น้ำไรน์ (Rheinfall) ซึ่งติดกับพรมแดนของ เยอรมนี และสวิตเซอร์แลนด์ ประกอบไปด้วยหมู่บ้าน และเมืองที่ยังอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแบบยุคกลางเอาไว้ อีกทั้งยังมีหลายเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Ville Fleurie หรือ Flowering City ซึ่งแปลว่า “หมู่บ้านแห่งดอกไม้” อีกด้วย เพราะถ้าเราไปเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เราจะเห็นดอกไม้ผลิบานไปทั่วเมือง

Alsace

3.ทะเลสาบโคโม่ (Lake Como) ประเทศอิตาลี (Italy) เป็นสถานที่พักตากอากาศยอดนิยมของประเทศอิตาลี โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงใบไม้เปลี่ยนสี เพราะสภาพอากาศค่อนข้างแจ่มใส และปลอดโปร่ง เหมาะกับการนั่งเรือเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ รอบทะเลสาบ ระหว่างการท่องเที่ยว เราจะได้ชมทิวทัศน์ของ เทือกเขาแอลป์ (Alps) สุดอลังการตั้งตระหง่านเป็นพื้นหลังอีกด้วย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทะเลสาบโคโม่จึงขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก ใครที่จะมา เที่ยวยุโรป คือห้ามพลาดที่นี่เลยทีเดียว

ทะเลสาบ Lake Como

4.เกาะครีต (Crete) ประเทศกรีซ (Greece) เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดใน และใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ของเกาะแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณคดีที่เก่าแก่ที่สุดในกรีซ รวมถึงทะเล ชายหาดสวย ๆ และภูเขา เสน่ห์ของเกาะครีตในช่วงฤดูใบไม้ผลิก็คือดอกไม้ที่ผลิบานสลับกับทุ่งหญ้าสีเขียว เติมแต่งให้เกาะแห่งนี้ดูสดชื่นขึ้นเป็นเท่าตัว

เกาะ Crete

5.ซูริค (Zurich) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางความเจริญ และเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์ แต่นอกเหนือจากนั้น ซูริคยังเป็นเมืองที่มากล้นไปด้วยเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือนที่สวยงาม และบรรยากาศสุดโรแมนติกของ ทะเลสาบซูริค (Lake Zurich) และ แม่น้ำ Limmat River ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกปีจะเป็นช่วงเวลาของ Sechseläuten ซึ่งเป็นวันหยุดประจำปีของซูริคในช่วงเดือนเมษายน และจะมีการจัดงานเทศกาลกันอย่างคึกคัก

Zurich

เที่ยวยุโรป ฤดูร้อน (กลางเดือนกรกฎาคม – กลางเดือนกันยายน) เป็นช่วงฤดูที่ทุกที่เป็นสีเขียวด้วยทุ่งหญ้า ดอกไม้บานเต็มที่ แต่บางเมือง หรือบางประเทศก็แดดแรง และอุณหภูมิที่สูงมาก รวมถึงมีช่วงกลางวันนานกว่าฤดูอื่น ๆ

1.ชายฝั่งอมาลฟี (Amalfi Coasts) ประเทศอิตาลี (Italy) นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีครบทั้งความหลากหลายของธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ที่นี่ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย หากเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เราสามารถเห็นสถาปัตยกรรมอันงดงาม และร้านรวงต่าง ๆ มากมาย รวมถึงเครื่องชามเซรามิกสีสันจัดจ้าน แสดงถึงเอกลักษณ์ของหมู่บ้านในแถบนี้อย่างชัดเจน แถมยังมี Limoncello liqueur ที่ทำจาก Stusato Amalfitano สายพันธุ์มะนาวที่เพาะปลูกเฉพาะที่ริมชายฝั่งอมาลฟีให้เราได้ลองชิมด้วย

ชายฝั่ง Amalfi-Coasts

2.โพรวองซ์ (Provence) ประเทศฝรั่งเศส (France) หากใครจะ เที่ยวยุโรป ในช่วงฤดูร้อน ทุ่งลาเวนเดอร์ ถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่ในช่วงกลางเดือนมิถุนายน-สิงหาคมเลย โดยเฉพาะที่ Valensole Plateau ทุ่งลาเวนเดอร์อันแสนกว้างใหญ่ในเมือง Valensole ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก มองออกไปก็จะเห็นทุ่งลาเวนเดอร์สีม่วงละมุนเรียงตัวออกไปสุดสายตา ถ้าได้ไปเดินเล่นท่ามกลางมวลดอกไม้สีสวยก็คงฟินไม่น้อยเลย

ประเทศฝรั่งเศส Provence

3.เลาเทอร์บรุนเนิน (Lauterbrunnen) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่บนเส้นทางก่อนขึ้นไปยัง ยอดเขายุงเฟรา (Jungfrau) ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาสูงที่มีน้ำตกไหลลงมาจากผาถึง 72 แห่ง ห้อมล้อมไปด้วยทุ่งหญ้า และวิวของเทือกเขาแอลป์สุดอลังการ ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้มีทิวทัศน์งดงามราวกับเทพนิยาย เราสามารถเที่ยวเลาเทอร์บรูเนินได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะ ฤดูร้อน และ ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่เราจะได้สัมผัสอากาศที่แจ่มใส ชมดอกไม้ผลิบานท่ามกลางทุ่งหญ้าสีเขียวขจีในหน้าร้อน และชมสีสันของใบไม้ที่ผลัดใบในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

Lauterbrunnen ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

4.อุชกูลลี่ (Ushguli) ประเทศจอร์เจีย (Georgia) ชุมชนเล็ก ๆ ที่มีวิวสวยหลักล้าน ภายในอุชกูลี่ประกอบไปด้วย 4 หมู่บ้านได้แก่ Zhibiani, Chvibiani, Chazhashi และ Murqmeli มีทั้งบ้านเรือนของชาวบ้าน โรงเรียน โบสถ์ ร้านอาหาร ร้านค้า และโรงแรมเอาไว้รับรองนักท่องเที่ยว เป็นหมู่บ้านที่ยังมีกลิ่นอายเก่าแก่ของจอร์เจียอยู่มาก ผสานเข้ากับธรรมชาติอย่างลงตัว จึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO เมื่อปี ค.ศ. 1996

Ushguli ประเทศจอร์เจีย

5.ซานโตรินี (Santorini) ประเทศกรีซ (Greece) ที่นี่ถือเป็นเกาะสวรรค์เลยก็ว่าได้ ด้วยความงดงามของทัศนียภาพ และภาพของอาคารบ้านเรือนสีขาวที่ตั้งไล่เรียงลงมาจากไหล่เขา ตัดกับสีฟ้าสดใสของทะเลอีเจียน ทำให้ใคร ๆ ที่มา เที่ยวยุโรป ก็อยากมาชมความงามของที่นี่สักครั้ง

Santorini ประเทศกรีซ

เที่ยวยุโรปฤดูใบไม้ร่วง (ปลายเดือนกันยายน – ปลายเดือนพฤศจิกายน) ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีส้มสีแดง เป็นฤดูของผลไม้อร่อย ๆ เช่น แอปเปิ้ล แพร์ องุ่น ลูกพลับ และถั่วชนิดต่าง ๆ อากาศเริ่มเย็นขึ้น และช่วงกลางวันเริ่มสั้นลง

1.มิวนิค (Munich) ประเทศเยอรมัน (German) ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะมี Oktoberfest ซึ่งเทศกาลเบียร์นับเป็นงานสำคัญที่ดึงดูดผู้คนนับล้านคนให้เข้ามาร่วมดื่มสังสรรค์ รวมถึงในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นของเทศกาลวันหยุด โดยจะมี Christmas Market หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า Weihnachtsmarkt โดยปกติตลาดคริสต์มาสจะถูกตั้งขึ้นที่บริเวณจัตุรัสใหญ่ในใจกลางเมือง ตกแต่งด้วยแสงไฟระยิบระยับ ใครที่วางแผนจะมา เที่ยวยุโรป ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็ไม่ควรพลาดเทศกาลนี้

Munich Oktoberfest

2.ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) ประเทศออสเตรีย (Austria) หมู่บ้านเล็ก ๆ บรรยากาศสุดโรแมนติก ตั้งอยู่ในรัฐอัปเปอร์ออสเตรีย ทัศนียภาพหมู่บ้านริมทะเลสาบที่โอบล้อมด้วยภูเขา ฤดูใบไม้ร่วง หรือประมาณปลายเดือนตุลาคม เหล่าต้นไม้ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้มสดใส มีรถรางขึ้นจุดชมวิวบน ภูเขาเกลือ (Salzberg) ชมวิวเมืองโดยรอบ หรือหากต้องการนั่งเรือไฟฟ้าชมหมู่บ้านก็สามารถทำได้เช่นกัน

Hallstatt ประเทศออสเตรีย

3.โดโลไมท์ (Dolomites) ประเทศอิตาลี (Italy) เทือกเขาหินปูนขนาดใหญ่ในเมืองเล็ก ๆ บรรยากาศเงียบสงบ แนะนำเดินทางช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน จะเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่พีคที่สุด ทั้งภูเขา และโดยรอบจะเต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลสีแดง เหลือง ส้ม และชมวิวให้จุใจยิ่งขึ้นด้วยการนั่งกระเช้าจากทางด้านภูเขาแอลป์

Dolomites ประเทศอิตาลี

4.กรุงอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) ประเทศเนเธอร์แลนด์ (Netherlands) เที่ยวเมืองชาวดัตช์ที่เงียบสงบแบบคนรักธรรมชาติ คนที่นี่นิยมการปั่นจักรยาน จนได้รับขนานนามว่าเป็น เมืองหลวงจักรยานโลก กิจกรรมน่าสนใจก็คือ การนั่งเรือในแม่น้ำอัมสเติล (Amstel) ชมบ้านเมือง และวิวใบไม้เปลี่ยนสีริมฝั่งตลอดสองข้างทาง วิวรอบๆ สวยงามราวกับภาพวาด เก็บภาพความประทับใจของเมืองเก่าได้เพลิน ๆ

Amsterdam ประเทศเนเธอร์แลนด์

5.กรุงมาดริด (Madrid) ประเทศสเปน (Spain) เมืองมาธาดอร์ หากใครมา เที่ยวยุโรป แล้วต้องการเดินเล่นถ่ายรูปเราขอแนะนำ สวน Jardines de Sabatini ดีงามแปลกตาสไตล์นีโอคลาสสิก ตามด้วยพระราชวัง Royal Palace of Madrid และสวนสาธารณะ Parque La Quinta de los Molinos ที่มีใบไม้เปลี่ยนสีแปลกตา และผู้คนไม่พลุกพล่านมากนัก

Madrid ประเทศสเปน

เที่ยวยุโรป ฤดูหนาว (ต้นเดือนธันวาคม – ต้นเดือนมีนาคม) มีสภาพอากาศหนาวเย็น บางวันอาจมีเมฆครึ้ม และหิมะตก พระอาทิตย์จะขึ้นช้า และตกเร็ว ทำให้มีช่วงกลางวันสั้นกว่าฤดูอื่น ๆ

1.ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) ประเทศออสเตรีย (Austria) ที่นี่ถือเป็นเมืองซิกเนเจอร์ที่มักปรากฏบนโปสการ์ดของออสเตรียบ่อยครั้ง โดยเฉพาะมุม โบสถ์ Evangelische Pfarrkirche Hallstatt และบ้านเรือนสุดน่ารักที่ตั้งเรียงรายริม ทะเลสาบฮัลล์สัตทท์ (Hallstätter See) ที่เป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่สวยที่สุด และบ่งบอกความเป็นเมืองเทพนิยายของฮัลล์สตัทท์ได้ดีที่สุด แต่ละฤดูต่างก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป แต่หากใครที่ต้องการมา เที่ยวยุโรป แล้วชอบอากาศเย็นสุดขั้ว และบรรยากาศคริสต์มาส ก็ต้องมาช่วงเดือนธันวาคมเท่านั้น

Hallstatt ประเทศออสเตรีย

2. เซอร์แม็ต (Zermatt) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland) ชมวิวสุดอลังการของ Matterhorn ยอดเขาทรงพีรามิด ไฮไลท์ของเมือง เซอร์แมท (Zermatt) เพียงเดินเข้าไปทุกท่านก็จะได้สัมผัสกับบ้านเมืองสไตล์สวิสแบบดั้งเดิม ล้อมรอบไปด้วยป่าสน และขุนเขาสุดตระการตา เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ทั่วทั้งเมืองจะปกคลุมไปด้วยสีขาวโพลน อากาศหนาวจัด โดยมีอุณหภูมิต่ำที่สุดกว่า -10 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นใครที่คิดจะไปเที่ยวเซอร์แม็ทก็ต้องเตรียมอุปกรณ์กันหนาวไปให้พร้อม แล้วทุกท่านจะหลงรักในเมืองหิมะแห่งนี้

Zermatt ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

3.สตราสบูร์ก (Strasbourg) ประเทศฝรั่งเศส (France) โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมยุคกลางของตึกอาคารในเขต Grand Island โดยมี แม่น้ำอีล (River Ill) และต้นไม้ล้อมรอบ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะนิยมมานั่งเรือไปตามแม่น้ำอีล ชมเสน่ห์เมืองแห่งมรดกโลกอันแสนโรแมนติก พอเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ทั่วทั้งเมืองจะประดับตกแต่งไปด้วยเครื่องประดับเทศกาลคริสต์มาส อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งความสุข และแสงไฟระยิบระยับ เคล้ากับความหนาวเย็นของหิมะได้อย่างลงตัว

Strasbourg ประเทศฝรั่งเศส

4.นูเรมเบิร์ก (Nuremberg) ประเทศเยอรมนี (Germany) ในฤดูหนาวยังไงก็ต้องมาคู่กับเทศกาลคริสมาสต์ และถ้าพูดถึงการมา เที่ยวยุโรป ช่วงเทศกาลคริสมาสต์มากที่สุดในเยอรมนี ก็ต้องเป็น นูเรมเบิร์ก (Nuremberg) เพราะที่นี่มีตลาดคริสมาสต์ที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุด เต็มไปด้วยร้านค้าขายของที่ระลึก เครื่องประดับตกแต่งในช่วงเทศกาลคริสมาสต์ ร้านขายอาหาร และร้านขนมหน้าตาน่าทานให้ทุกคนได้ไปเลือกสรร แล้วก็อย่าลืมไปชิม lebkuchen ขนมปังขิงสูตรต้นตำหรับของเมือง และจิบไวน์อุ่น ๆ แก้หนาว

Nuremberg ประเทศเยอรมนี

5.หมู่เกาะโลโฟเทน (Lofoten Islands) ประเทศนอร์เวย์ (Norway) หมู่เกาะทางตะวันตกเฉียงเหนือของนอร์เวย์ ที่ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ และหมู่บ้านชาวประมงต่าง ๆ ที่มีทั้งสีแดง สีเหลือง และสีขาว โดยมีหมู่บ้านไรเนอเป็นหมู่บ้านที่ได้รับการยกย่องให้เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่สวยที่สุดในประเทศ ผู้คนจะนิยมไปเที่ยวหมู่เกาะโลโฟเทนในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่อากาศแจ่มใส และไม่หนาวจัดจนเกินไป แต่ถ้าหากต้องการชมแสงเหนือ ต้องมาในช่วงเดือนตุลาคม-มีนาคม ถึงแม้อากาศจะหนาวสุดขั้ว แต่วิวที่ได้ชมก็สวยงามมากเช่นกัน

Lofoten-Islands ประเทศนอร์เวย์

เที่ยวยุโรปไฮซีซั่น (Hight Season)

ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อน ช่วงนี้เป็นช่วงที่คึกคักของยุโรป เกือบทุกเมืองท่องเที่ยวในยุโรปเป็นช่วง High Season ที่พีค สำหรับคนไทยอาจจะเบื่ออากาศร้อน แตใครที่ชอบบรรยากาศคึกคัก ได้เจอคนเยอะๆ ต้องไป เที่ยวยุโรป ช่วงนี้เลย

ข้อดีของการ เที่ยวยุโรป ช่วง Hight Season

1.ถ้าไป เที่ยวยุโรป แบบชมธรรมชาติ จะได้เห็นทะเลสาบสีมรกตเป็นประกาย และท้องฟ้าใส

2.ช่วงเวลาในตอนกลางวันยาวนาน บางเมืองพระอาทิตย์ตกตอนสี่ทุ่มเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นมีเวลาเที่ยวในแต่ละวันได้นานยิ่งขึ้น

3.สถานที่ท่องเที่ยวจะเปิดให้บริการเกือบทุกแห่ง ไม่ต้องกลัวว่าที่ที่อยากไปจะปิด

4.เป็นช่วงของเทศกาลดนตรีซึ่งมีหลายแห่งมาก ใครอยากหาประสบการณ์ใหม่ๆ หรือชอบฟังเพลงพลาดไม่ได้

5.อากาศค่อนข้างดี แม้บางวันจะร้อนระอุไปหน่อย ทุกท่านจะสามารถนั่งเก๋ ๆ ในคาเฟ่แบบ open-air เพื่อชมบรรยาศของเมือง และผู้คนที่เดินผ่านไปมาได้

ข้อเสียของการ เที่ยวยุโรป ช่วง Hight Season

1.ต้องเตรียมตัว และเตรียมใจให้พร้อมถ้าจะไป เที่ยวยุโรป ช่วงฤดูร้อน เพราะทุกที่จะมีผู้คนหนาแน่น สถานที่ท่องเที่ยวจะรอคิวเข้าชมกันเป็นชั่วโมง และบนถนน Champs–Elysees เองก็แออัดไปด้วยผู้คน

2.อากาศที่อุณหภูมิสูงไม่ต่างจากประเทศไทย เหมือนจะดีแต่บางทีก็ร้อนเหงื่อไหล

3.ที่พักส่วนใหญ่จะถูกจองเต็มล่วงหน้า ถ้าใครคิดว่าจะไปหาที่พักวันที่ไปถึงหรือตอนใกล้ ๆ เดินทางอาจจะไม่มีที่นอนได้ รวมถึงราคาตั๋วเครื่องบิน และที่พักจะแพงกว่าในช่วงอื่น ๆ

4.รถไฟที่วิ่งไประหว่างเมืองต่าง ๆ อาจเต็มได้ จึงจำเป็นต้องจองล่วงหน้า

5.ช่วงเดือนสิงหาคมเป็นช่วงวันหยุดพักร้อนของชาวยุโรป ดังนั้นร้านค้า หรือร้านอาหารบางแห่งอาจปิด เพราะเจ้าของร้าน และพนักงานก็หยุดไปเที่ยวเหมือนกัน

เที่ยวยุโรปโลว์ซีซั่น (Low Season)

ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน – ต้นเดือนเมษายน เป็นช่วง Low Season ของยุโรป คือช่วงฤดูหนาว เพราะสภาพอากาศที่หนาว อุณหภูมิที่ค่อนข้างต่ำมาก จึงทำให้ไม่ค่อยมีใครอยากออกไปเที่ยวเท่าไหร่ แต่สำหรับคนไทยอย่างเราน่าจะชอบเพราะจะได้เจอหิมะสวย ๆ รวมถึงฤดูใบไม้ผลิในช่วงต้นเดือนมีนา ที่ทุกท่านจะสามารถชมความงามของทุ่งหญ้าเขียวขจี และดอกไม้ที่บานสะพรั่ง

ข้อดีของการ เที่ยวยุโรป ช่วง Low Season

1.ผู้คนเบาบาง ไม่ต้องต่อคิวรอเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และไม่ต้องไปเบียดเสียดกับคนอื่น

2.การ เที่ยวยุโรป ในช่วงนี้ที่พัก และตั๋วเครื่องบินจะราคาถูกกว่า

3.สถานที่หลายแห่งจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาว ทำให้ยุโรปดูสวย และมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

4.ถ้าไปเที่ยวช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคมจะได้สัมผัสบรรยากาศของคริสมาสต์ได้อย่างเต็มอิ่ม หรืออยู่ยาวไปจนถึงปีใหม่ หลาย ๆ สถานที่จะมีการตกแต่งไฟอย่างสวยงาม อย่าลืมไปเดินเล่นที่ ตลาดคริสต์มาส ยุโรป ซึ่งจะจัดขึ้นในหลาย ๆ เมือง ทุกท่านจะได้เห็นสินค้าตกแต่งต้นคริสมาสต์ และอาหารท้องถิ่นที่น่าลองชิม

ข้อเสียของการ เที่ยวยุโรป ช่วง Low Season

1.เนื่องด้วยเป็นฤดูหนาวทำให้บางวันก็อากาศหนาวเย็นเกินจะทน และบางวันอาจมีฝนตกอีก

2.พระอาทิตย์ตกเร็ว ทำให้กลางวันสั้นกว่าช่วงอื่น ๆ

3.สถานที่ท่องเที่ยวบางแห่งปิด เนื่องจากนักท่องเที่ยวน้อย และบางแห่งจะปิดในช่วงก่อน และหลังวันคริสมาสต์

4. ในฤดูหนาวสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะปิดเร็วกว่าปกติ

5.การ เที่ยวยุโรป ในช่วงนี้อากาศค่อนข้างที่จะหนาวเย็นต้องเตรียมเสื้อผ้าไปให้เพียงพอที่จะทำให้ร่างกายอบอุ่น ต้องเตรียมความพร้อมมากกว่าเที่ยวในช่วงอื่น ๆ

สรุป เที่ยวยุโรป ช่วงไหนดี

โดยสรุปแล้วทวีปยุโรปนั้นสามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู ไม่ว่าจะเป็น ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว และฤดูใบไม้ผลิ ทุกฤดูมีความงดงามเฉพาะตัว และในเมืองเดียวกัน สถานที่เดียวกันต่างกันเพียงฤดูก็ให้ความรู้สึก และความสวยงามที่แตกต่างกัน ซึ่งหากทุกท่านยังมีความกังวลใจอยู่ว่าช่วง Hight Season ที่พักจะเต็มหรือไม่ หรือในช่วง Low Season ร้านค้า หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จะยังให้บริการอยู่ไหม ท่านสามารถติดต่อ P&P Holiday by reign inter เพื่อให้คลายความกังวลไปได้ ให้เราดูแล และอำนวยความสะดวกให้กับท่าน เที่ยวยุโรป อย่างครบวงจร